ดื่มฉลองปีใหม่ยังไงให้พอดี? ด้วย Standard Drink

ช่วงปีใหม่ของทุกปี หลาย ๆ คนคงไม่แคล้วฉลองช่วงเวลานี้ด้วยการดื่มอย่างแน่นอน ถ้าเป็นคนช่างสังเกตก็จะเห็นว่าเพื่อนแต่ละคนดื่มด้วยจำนวนแก้วเท่ากัน หรืออาจจะน้อยกว่าเพื่อนอีกคนทำไมถึงได้เมาไวนัก
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “1 แก้ว” ของเครื่องดื่มแต่ละชนิดนั้น ไม่ได้มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่เท่ากัน แม้ว่าจะรินลงในแก้วที่มีปริมาตรเท่ากันก็ตาม นั่นจึงต้องใช้วิธีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่แม่นยำที่เรียกว่า Standard Drink เข้ามาช่วย
ก่อนที่จะเข้าเรื่องของ Standard Drink เราขออธิบายเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันของสุราแต่ละชนิดกันก่อน โดยทั่วไป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น จะแบ่งตามวิธีการผลิตได้ 2 แบบได้แก่
1. สุราแช่หรือหมัก - มีปริมาณ ABV ไม่เกิน 15% เช่น Beer, Cider, Sake, Soju
2. สุรากลั่น - มีปริมาณ ABV ตั้งแต่ 35% และสามารถสูงได้ถึง 96% เช่น Whisky, Vodka, Tequila, Rum, Brandy
นั่นเป็นสิ่งที่อธิบายว่า แม้จะมีปริมาตรของเหลวเท่ากัน แต่ถ้าเป็นสุราคนละแบบ หรือต่างวิธีการผลิต ก็ไม่สามารถนำมาวัดได้ว่าคุณจะได้รับแอลกอฮอล์เท่า ๆ กัน ดังนั้นในทางการแพทย์ จึงมีการกำหนดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า Standard Drink เพื่อวัดปริมาณการดื่มที่เหมาะสมขึ้นมา
| วิธีคำนวณ STANDARD DRINK
การหาค่าของ Standard Drink นั้น จะมีสูตรการคำนวณเฉพาะ เพื่อใช้ในการหาปริมาณแอลกอฮอล์ที่จะได้รับต่อการดื่ม 1 หน่วยนั้น ๆ โดยสูตรการคำนวณหาค่า Standard Drink คือ
(ค่า ABV) x (ปริมาณการเสิร์ฟต่อแก้ว หน่วย ml.) ÷ 100 = (ปริมาณแอลกอฮอล์ หน่วยกรัม)
** ในกรณีที่เป็นหน่วย Ounce ให้คูณ 30 เข้าไป ก็จะได้ ml. **

จะเห็นได้ว่าปริมาณการเสิร์ฟจะไม่เท่ากัน แต่เมื่อนำมาหาปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยสูตร Standard Drink แล้ว จะพบว่า เหล้า 1 ช็อต จะเท่ากับเบียร์ 1 แก้ว และไวน์ประมาณ 1 แก้ว พูดง่าย ๆ คือถ้าว่ากันตามสัดส่วนนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์เท่ากัน
การคำนวณ Standard Drink นั้น ช่วยให้เราสามารถควบคุมและกำหนดลิมิตการดื่มที่ปลอดภัยได้ แล้วต้องดื่มเท่าไหน ถึงจะส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุด?
ในทางการแพทย์ได้แนะนำไว้ว่า Standard Drink สำหรับผู้ชาย ไม่ควรเกิน 2 แก้ว ส่วน ผู้หญิง ไม่ควรเกิน 1 แก้ว และใน 1 สัปดาห์ ไม่ควรดื่มเกิน 3-4 ครั้งครับ