เหล้า RUM ต่างสี มีความแตกต่างกันอย่างไร?
เคยสังเกตกันไหมครับว่า Rum (รัม) ที่เราชอบดื่มกัน แบรนด์เดียวกัน แต่ทำไมบางขวดถึงมีสีใส บางขวดมีทอง บางขวดมีสีที่เข้มจนเกือบจะดำ...
ใช่แล้วครับ นี่คือการจำแนก Rum ในแต่ละประเภทนั่นเอง แต่ละประเภทต่างกันยังไง ทำไมถึงต่างกัน และมีเอกลักษณ์ยังไง ทาง LIQ9.ASIA ได้จำแนกประเภทให้เข้าใจกันง่ายขึ้น รู้จักประเภทไหนกันบ้างต้องตามมาดูครับ
อันที่จริงแล้ว คำว่า Rum มีชื่อเต็มว่า Rumbellion (รัมเบลเลียม) แต่ถูกเรียกกันสั้น ๆ ว่า Rum มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน ว่า "Saccharum Officinarum” แปลว่า “น้ำแห่งชีวิต” (มีความหมายเช่นเดียวกันกับ Whisky/Whiskey (วิสกี้) และด้วยความที่รัมเป็นที่นิยมในหลายประเทศ จึงทำให้มีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป แต่ความหมายยังเหมือนเดิมนั่นเอง โดยในแต่ละประเทศจะออกเสียงรัมต่างกัน
ถ้าอ่านออกเสียงแบบฝรั่งเศส อ่านว่า Rhum (รัม) สำหรับแบบสเปน อ่านว่า Rum (รุม) หรือ Ron (รอน) ส่วนสวีเดน อ่านว่า Rom (โรม)
| RUM ชนิดต่าง ๆ
| WHITE RUM
บางคนอาจคุ้นหูในชื่อ Light Rum (ไลท์รัม) หรือ Rum (รัม) เฉย ๆ มีสีใสบริสุทธิ์ มีรสชาติที่เบาสุด จัดเป็น Light-Bodied ปกติจะมีดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 35%- 40% บางแบรนด์เมื่อกลั่นเสร็จ อาจนำมาพักแล้วผสมน้ำและบรรจุขวดเลยโดยไม่ต้องเก็บบ่มแต่บางแบรนด์ต้องเก็บบ่มในถังสเตนเลส หรือถังไม้นานอย่างน้อย 1 ปี ถึงไม่ต่ำกว่า 3 ปี
ซึ่งนอกจากนี้ยังมีเหล้ารัมที่แต่งเติมกลิ่นและรสเพิ่มเข้าไปอีกด้วย เรียกว่า Flavoured Rum โดยส่วนมากจะเป็น White Rum มาผสมกับ Liqueur (ลิเคียว) กลิ่นต่าง ๆ
| GOLD RUM
บางครั้งเรียกว่า Amber Rum หรือ Aged Rum จัดเป็น Medium-Bodied เป็นรัมที่มีสีเหลืองอำพัน ที่เกิดจากการเคี่ยวน้ำตาลคาราเมล จนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง และจากการบ่มในถังไม้นาน 3 ปี เพื่อให้ดูดซึมซับสีและรสชาติจากเนื้อไม้ ปกติมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 35–40%
| DARK RUM
บางครั้งอาจจะเรียกว่า Black Rum และอาจจะเจอคำว่า Anejo บนฉลากบ้าง มีรสชาติหนัก จัดเป็น Full-Bodied มีสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ เกิดมาจากการผสมคาราเมลที่เคี่ยว จนเป็นสีดำเกือบไหม้ และจากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้นานถึง 7 ปี (หรือมากกว่า) เพื่อให้รสชาติที่คงที่และมีเอกลักษณ์ มีดีกรีแอลอฮอล์ประมาณ 35–40% บางตัวอาจจะเกินไปถึง 75.5% เลยที่เดียว