| ที่มาของ WILD TURKEY

ก่อตั้งโดย Thomas B. Ripy เริ่มตั้งโรงกลั่นในปี 1868 ในยุคนั้น การจำหน่ายต้องใช้วิธีจ่ายเป็นยาแก้ปวดหัวแทน เริ่มขายจริงจังในปี 1949 โดย Thomas B. Ripy จัดงานล่าไก่งวง Wild Turkey Hunt และลองแจกจ่าย Bourbon ตัวนี้ ในงาน ปรากฎว่าแขกที่มาร่วมงานชอบทุกคน แต่ไม่รู้จะตั้งชื่ออย่างไร เลยยกเอาชื่องาน มาตั้งแบรนด์

สำหรับ Wild Turkey บุคคลสำคัญที่เป็นหัวใจหลักของการผลิต จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Jimmy Russell - Master Distiller ที่นับเป็นบุคคลสำคัญในวงการ Whisky Bourbon เป็นผู้ที่รู้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ส่วนผสม ทำสูตร สร้างกลิ่น Jimmy เข้ามามีบทบาทตั้งแต่ปี  1954 และถ่ายทอดสูตรลับและความรู้ต่าง ๆ ให้กับลูกชาย Andy Russell

ในการผลิต Wild Turkey จะเลือกบ่มในถังโอ๊คใหม่เท่านั้นและข้างในจะต้องอังไฟก่อน จนได้สีและ Texture คล้ายผิวหนังจระเข้ (Alligator Skin) ใช้เวลาบ่มนานกว่า 6 ปี สูงกว่าระยะบ่มทั่วไป ผสมด้วยธัญพืชและข้าวไรย์ Rye กลั่นด้วยน้ำเพียงเล็กน้องและบรรจุขวดด้วยปริมาณ Proof ที่สูงกว่า ซึ่งทำให้คงรสชาติของ Bourbon ไว้ให้มากที่สุด และกรรมวิธีการผลิตแบบนี้ ยังคงยึดถืออยู่มาจนถึงปัจจุบัน

Wild Turkey Bourbon ยังมีรสชาติและคาแรคเตอร์ที่เหมาะสมกับการชงเมนู Cocktail ยอดนิยมอย่าง Old Fashioned และ High Ball ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย

| Tip to Know

- Bourbon จะต้องผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
- Bourbon, American Whiskey และ Irish Whiskey จะสะกดเป็นคำว่า Whiskey แทน เพื่อบ่งบอกแหล่งการผลิต
- ตามกฎหมาย Bourbon สามารถเติมน้ำลงไปได้สูงสุด 20% แต่ Wild Turkey อย่างฉลาก 101 Bourbon จะผสมน้ำลงไปเพียง 7% เท่านั้น
- หน่วยวัดแอลกอฮอล์ Proof จะคิดโดยการนำค่า ABV มาคูณ 2