5 เหตุผล ที่ทำให้ Gin แมสขึ้นทุกวัน ๆ

7 ธันวาคม 2021
5 เหตุผล ที่ทำให้ Gin แมสขึ้นทุกวัน ๆ
Posted in: Liquor Basic
More from this author
By MR.LIQ9

ในกลุ่มสายดื่มของประเทศไทย โดยส่วนมากจะคุ้นเคยกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำพวก Whisky (วิสกี้), Beer (เบียร์) และ Vodka (วอดก้า) ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน แต่ไม่นานมานี้ White Spirits อย่าง Gin (จิน) เพิ่งเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดไทยเพิ่มขึ้น เพราะเทรนด์การดื่มที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ เรามาดูกันดีกว่าว่า อะไรที่ทำให้ Gin เริ่มได้รับความนิยมในประเทศไทย และตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลก

 

| 1. เข้าถึงง่าย

ในสมัยก่อนนั้น โรงกลั่น Gin ที่มีจำนวนการผลิตน้อย มักมีปัญหาในด้านภาษีกับสำนักงานสรรพากรและศุลกากรของสหราชอาณาจักร ทำให้การเปิดโรงกลั่นที่ผลิต Gin แบบ Small Batch ให้เติบโตได้นั้นเป็นเรื่องยาก จนกระทั่งในปี 2009 ที่โรงกลั่น Gin ยุคใหม่ Sipsmith ได้รับชัยชนะทางกฎหมาย จนทำให้โรงกลั่นขนาดเล็ก มีสิทธิ์ในการผลิต Gin แบบ Small Batch ได้ นั่นทำให้เกิดเป็นโรงกลั่นอิสระ ส่ง Gin หลากหลายแบบเข้ามาในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก

 

| 2. เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Cocktail

Gin เป็นหนึ่งใน Spirits ที่ถูกนำมาใช้เป็นฐานของ Cocktail ยอดนิยมหลาย ๆ เมนู ตั้งแต่ Classic Cocktail ไปจนถึง Cocktail สไตล์ใหม่ ๆ ด้วยรสชาติที่สามารถเข้ากับส่วนผสมต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว จนกลายเป็น Based Spirits ที่มักถูกเลือกในการสร้างสรรค์ Cocktail อย่างแพร่หลายในวงการ Cocktail
 

| 3. หลากหลายและน่าตื่นเต้น

ด้วยคาแรคเตอร์และรสชาติที่มีอยู่หลากหลาย ตามแต่สูตรและกรรมวิธีที่ใช้ในการผลิต จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น White Spirits ที่มีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด รสชาติของ Gin สามารถปรับเปลี่ยนได้เรื่อย ๆ ตามสมุนไพรและส่วนผสมต่าง ๆ ที่เลือกใช้ และไม่จำเป็นต้องทำตามสูตรต้นตำรับแบบ 100% ทำให้กลายเป็นความเพลิดเพลินในการดื่มที่ค้นหาได้แบบไม่รู้จบ
 

| 4. (เกือบจะ) ดื่มได้แบบไม่รู้สึกผิด

แม้จะมีคนพูดบ่อย ๆ ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลาย ๆ ชนิดมี Calories สูง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด โดยเฉพาะกับ Gin ที่ใน 1 แก้ว Shot มีเพียง 72 กิโลแคลอรี่ (โดยเฉลี่ย) เมื่อนับจาก Gin ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 37% นั่นทำให้ Gin เป็น Spirits ที่ให้พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการดื่มขณะควบคุมน้ำหนัก
 

| 5. เป็นส่วนหนึ่งของ Pop Culture

จากเหตุการณ์ Gin Craze ในยุค Victorian ทำให้ Gin และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นตัวแทนของความพินาศ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงศตวรรษที่ 20 - Gin ถูกนำมาเป็นตัวแทนของความเท่ห์และซับซ้อนในวัฒนธรรมร่วมสมัย อย่างที่ถูกนำเสนอในซีรีส์ของ James Bond ที่แม้ว่าในภาพยนตร์จะดื่ม Vodka Martini แต่ในนิยายต้นฉบับ James Bond และตัวละครบางตัว มักจะสั่ง Gin & Tonic มากกว่า หรือแม้แต่ในผลงานของเจ้าพ่อเพลง Rap สายเขียวอย่าง Snoop Dogg ก็เคยพูดถึงเมนูเครื่องดื่ม Gin & Juice ไว้ในผลงานเพลงชื่อเดียวกัน หรือแม้แต่สมเด็จพระราชินี Elizabeth ที่ 2 ก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบการดื่ม Gin ด้วยเช่นกัน