5 Cocktail แอลกอฮอล์ต่ำ สำหรับนักดื่มสายชิล
ในบาร์หรือปาร์ตี้ต่าง ๆ มักจะมีคนอยู่ 2 ประเภท กลุ่มแรกคือมนุษย์คอทองแดง ที่สามารถดื่มเหล้าหนัก ๆ ได้สบาย ชนิดว่ามีเหล้าให้ 1 ขวด ยกดื่มแบบเพียว ๆ ได้คงทำไปแล้ว.... และกลุ่มที่สอง ที่เลือกจะเสพบรรยากาศและการพูดคุย มากกว่าการดื่มให้หัวทิ่ม โดย ตัวเลือกในการดื่มของกลุ่มที่ 2 นี้ ถ้าไม่ใช่น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ก็ต้องเป็นเครื่องดื่มกลุ่ม Low ABV อย่างแน่นอน
Low ABV Drink หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ เป็นเทรนด์การดื่มที่กำลังอยู่ในกระแสของนักดื่ม ณ ขณะนี้ ด้วยความที่มีส่วนผสมของเหล้าที่น้อย ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มสาว ๆ และสายชิลทั้งหลาย ที่ชื่นชอบการดื่มแบบเรื่อย ๆ เสพบรรยากาศและเสียงเพลงรอบตัว ไปจนถึงการเมาท์มอยกันยาว ๆ แบบไม่คิดจะรีบเมาไปไหน
สำหรับใครที่เพิ่งมารู้จักกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ หรือ Low ABV อาจจะนึกไม่ออกว่ามันเป็นอย่างไร? มีอะไรบ้าง? แล้วจะสั่งกับบาร์เทนเดอร์อย่างไร? คราวนี้ LIQ9.ASIA ขอแนะนำ 5 Low ABV Cocktail สำหรับนักดื่มสายชิลยิงยาวให้ได้รู้จักกันครับ
1. Americano
คลาสสิค ค็อกเทล (Classic Cocktail) ที่แลดูเหมือนกาแฟอเมริกาโน่ (Amricano Coffee) แต่จริง ๆ แล้ว นี่เป็นเหล้า แคมปารี่ (Campari) ผสมกับสวีท เวอร์มุธ (Sweet Vermouth) และ โซดา (Soda) ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกาแฟแม้แต่นิดเดียว
ชื่อเดิมคือ มิลาโน่ โตริโน่ (Milano-Torino) มาจากชื่อเมืองมิลาน (Milan / Milano) ที่ผลิตเหล้า แคมปารี่ (Campari) และเมืองตูริน (Turin / Torino) แหล่งกำเนิดของปัน เอ มีส เวอร์มุธ (Punt e Mes Vermouth) เสิร์ฟครั้งแรกในปี 1860 ที่ คาเฟ่ แคมปารี่ (Caffè Campari) ประเทศอิตาลี่ (Italy) คิดค้นโดย แกสปาเร่ แคมปารี่ (Gaspare Campari) ต่อมาในปี 1900 ด้วยความที่ Cocktail นั้น เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน จึงนำคำว่า อเมริกา (America) มารวมกับคำว่า อะมาโร่ (Amaro) ที่แปลว่าขม ได้เป็น อเมริกาโน่ (Americano)
2. Michelada
ถ้าเป็น Cocktail สไตล์ เม็กซิกัน (Mexican) หลาย ๆ คนคงจะคิดถึงเครื่องดื่มที่มีเตกีล่า (Tequila) อันลือชื่อเป็นส่วนผสม แต่พระเอกของแก้วนี้คือเบียร์ลาเกอร์ (Lager Beer) แน่นอนว่าเมื่อเป็นเครื่องดื่มสูตรของ เม็กซิโก (Mexico) มีหรือที่บ้านนี้เมืองนี้จะขาดความจัดจ้านได้? เพราะนอกจากเบียร์แล้ว ยังมี พริกคาเยน (Cayenne Pepper), ทาบาสโก้ (Tabasco), วูสเตอร์เชียซอส (Worcestershire Sauce) และพริกไทยดำบด แต่งขอบแก้วด้วยเกลือ ในบางสูตรจะเพิ่มน้ำมะเขือเทศไปด้วย คล้ายบลัดดี้ แมรี่ (Bloody Mary) เวอร์ชั่น Mexican กลาย ๆ เลยทีเดียว
ชื่อ มิชเชลาดา (Michelada) มาจากคำว่า เชล่า (Chela) แปลว่า เบียร์ (Beer) ในภาษาท้องถิ่น กับคำว่า มิกซ์ (Mix) จากการที่ผสมหลาย ๆ อย่างรวมกัน แต่บางแหล่งก็ระบุว่ามาจาก มี เอลาด้า (Mi Helada) ที่หมายถึง “เบียร์เย็นฉ่ำ”
3. Diplomat
สำหรับแก้วนี้ ยังอยู่กับ Classic Cocktail อีกตัว ที่ใช้ทั้ง สวีท เวอร์มุธ (Sweet Vermouth) และ ดราย เวอร์มุธ (Dry Vermouth) ในแก้วเดียวกัน แต่งกลิ่นเล็กน้อยด้วยมาราชิโน่ ลิเคียว (Marashino Liqueur) และเพิ่มมิติรสชาติด้วย บิทเทอร์กลิ่นส้ม (Orange Bitter)
ชื่อของ Cocktail ตัวนี้ปรากฎครั้งแรกในหนังสือ Cocktails : How to Mix Them ของ Robert Vermeire ปี 1922 ที่ได้อธิบายที่มาของชื่อเครื่องดื่มตัวนี้เพียงแค่ เป็นเครื่องดื่มยอดยอดนิยมของคณะทูตานุทูต (Diplomat) ฝรั่งเศส
4. Fernet and Coke
เมนูนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเป็นพิเศษ เพียงผสม เฟอร์เน็ต บลันก้า (Fernet Branca) ที่เป็นเหล้าเรียกน้ำย่อย (Aperitif) กับ โคล่า (Cola) คล้ายกับ คิวบา ลิเบร (Cuba Libre) แต่เปลี่ยนจากรัม (Rum) เป็น Fernet Branca
เครื่องดื่มสูตรนี้เป็นที่นิยมในอาร์เจนติน่า (Argentina) ช่วงปี 1980 จากโฆษณาโทรทัศน์ของ Fernet จนเรียกว่าเป็นความเคยชินในการดื่ม เฟอร์เน็ต บลันก้า (Fernet Branca) ไปเลย
5. Ginger Ale and Vermouth
ในบรรดามิกเซอร์ (Mixer) ที่ใช้ผสมเหล้า จิงเจอร์เอล (Ginger Ale) เป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่สามารถดื่มกับเหล้าที่หลายตัว ทั้ง วิสกี้ (Whisky), รัม (Rum) และ เตกีล่า (Tequila) หรือแม้แต่ ดราย เวอร์มุธ (Dry Vermouth) ก็เช่นกัน
ค็อกเทล (Cocktail) ตัวนี้มีอีกชื่อว่า ดราย เวอร์มุธ บัค (Dry Vermouth Buck) ด้วยความง่ายและไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบซับซ้อน ใช้แค่ Dry Vermouth, น้ำมะนาว และ Ginger Ale สามารถทำใส่เป็นเหยือกเตรียมรับแขกไว้ได้เลย
สำหรับใครที่อยากดื่มแต่ไม่อยากเมาก่อนเวลา เครื่องดื่ม Low ABV เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเหมาะกับ Lifestyle ของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่นิยมการเสพบรรยากาศ
เมนูแนะนำเหล่านี้จะสั่งกับบาร์เทนเดอร์ก็ได้ จะผสมเองก็ดี แต่ถ้าของมีไม่ครบ ก็สามารถสั่งกับ LIQ9.ASIA ได้เช่นกันครับ