ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่า เหล้าโดยส่วนใหญ่นั้นมีองค์ประกอบของ Alcohol (แอลกอฮอล์) ในปริมาณหนึ่ง แล้วแต่ชนิดนั้น ๆ เช่นเป็นเหล้าที่ผลิตโดยการหมักหรือ Fermented Spirits จะมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 10-15% เช่น Beer (เบียร์), Sake / Soju (สาเก / โซจู), และ Cider (ไซเดอร์) ในขณะที่เหล้าที่ผลิตด้วยการกลั่นหรือ Distilled Spirits จะมีปริมาณเฉลี่ยที่ 30-45% อย่าง Whisky (วิสกี้), Rum (รัม), Vodka (วอดก้า), Brandy (บรั่นดี), Tequila (เตกีล่า) และ Gin (จิน) ในส่วนของเหล้ากลั่นที่มีแอลกอฮอล์ 50% ขึ้นไปนั้น จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Overproof (โอเวอร์พรูฟ)

คุณสมบัติของแอลกอฮอล์อย่างหนึ่งคือ สามารถระเหยไปในอากาศได้ดีกว่าน้ำ เมื่อเราปล่อยให้เหล้าสัมผัสกับอากาศนาน ๆ ทำให้ส่วนที่เป็นแอลกอฮอล์นั้นระเหยไป และเมื่อแอลกอฮอล์ระเหยไป ทำให้ปริมาณของเหลวลดลง ทำให้ดูเหมือนกับปริมาณลดลงไป ซึ่งปฏิกิริยานี้จะเกิดขึ้นกับเหล้าที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงอย่างกลุ่ม Distilled Spirits (สุรากลั่น) และสามารถเกิดขึ้นกับ Wine (ไวน์) ได้ด้วยเช่นกัน

จริง ๆ แล้ว ยังมีเหตุการณ์คล้าย ๆ กันอยู่ ซึ่งมักเกิดขึ้นในโรงบ่มสุราอย่าง Whisky โดยจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า Angel’s Share (แองเจิลแชร์ / ส่วนแบ่งของเทวดา) เกิดขึ้นจากการที่แอลกอฮอล์ระเหยออกไปในระหว่างกระบวนการบ่ม ทำให้ปริมาณของเหลวในถังหายไปปีละ 2% นั่นเป็นสาเหตุที่ Spirits หลังการบ่มมีรสชาติที่นุ่มนวลกว่าก่อนการบ่ม และเมื่อเกิดการระเหยนอกขั้นตอนการบ่มอีกครั้ง นั่นช่วยให้ Spirits มีรสสัมผัสที่นุ่มลงไปอีก

ถ้าให้สรุปสาเหตุที่สุราในขวดหายไปจึงมีเพียงสาเหตุเดียว คือการที่เราปิดฝาหรือจุกขวดไม่สนิท ไม่ก็เผลอเปิดทิ้งเอาไว้ จนทำให้แอลกอฮอล์ระเหยออกไปได้นั่นเอง

ถ้าเงื่อนไขข้างต้นนั้นครบ ก็สบายใจได้ว่าไม่มีใครแตะต้องเหล้าขวดโปรดของคุณเลย แค่คุณลืมปิดฝาขวดเท่านั้นเอง