Mai Tai นี่ใช่ค็อกเทลของไทยไหม?
| Mai Tai (ไหมไทย) เกี่ยวข้องอะไรกับ “ไทย” ?
แม้เครื่องดื่มชนิดนี้จะชื่อว่า "Mai Tai (ไหมไทย)" แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ “ประเทศไทย” แต่อย่างใด ที่สำคัญหลายคน มักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นค็อกเทลที่มีกำเนิดจากประเทศไทยด้วยซ้ำ
อันที่จริง "Mai Tai (ไหมไทย)" ถือเป็นอีกหนึ่ง ค็อกเทล (Cocktail) ที่มักจะพบบ่อย ๆ ในบาร์ต่าง ๆ ได้ทั่วไป และเชื่อว่าหลายคนเห็นแวปแรก ก็ต้องเข้าใจผิดเป็นธรรมดาว่าต้องเป็นค็อกเทลของไทยแน่ ๆ แต่ไม่ใช่เลยครับ "Mai Tai" อันที่จริงแล้วต้องอ่านออกเสียงว่า "ไม-เต-อิ" ซึ่งเป็นคำมาจาก ภาษาตาฮิติ (Tahiti)
อ่าว แล้วทำไม ตาฮิติ (Tahiti) มาเกี่ยวอะไรกับ "Mai Tai (ไหมไทย)" คือ ถ้าจะเริ่มเรื่องคงต้องย้อนกลับไป ในปี ค.ศ. 1944 บาร์เทนเดอร์ Victor J. Bergeron (วิคเตอร์ เจ เบอร์เจอรอน) เจ้าของร้านอาหารสไตล์ชาวเกาะที่ชื่อว่า Trader Vic's ในประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอเนีย ได้ทดลองผสมค็อกเทล (Cocktail) ให้เพื่อนชาว ตาฮิติ (Tahiti) ลองดื่ม และเพื่อนของเขาได้ชิมแล้วก็ อุทานออกมาเป็นภาษาตาฮิติว่า “Maita'i, Maita’i” แปลว่า “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม” จนได้กลายมาเป็นชื่อของเครื่องดื่มของเขาเอง ซึ่งก็ยอดเยี่ยมสมชื่อจริง ๆ เพราะภายหลังไม่กี่ปี "Mai Tai ไหมไทย" ก็ถูกนับว่าได้เป็น Classic Cocktails ที่แถบทุกร้านต้องมีในเมนู
จริงๆ แล้วการทำ "Mai Tai (ไหมไทย)" ตามแบบฉบับดั้งเดิม ต้องใช้เวลาในการเตรียมส่วนผสมที่ยุ่งยากพอสมควร บางอย่างต้องคั่วบางอย่างต้องบดก่อนที่จะนำมาผสมกัน แต่ปัจจุบันวงการค็อกเทลก็ได้พัฒนาขึ้นมาก ส่วนผสมจึงสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้โดยไม่เสียรสชาติ โดย "Mai Tai (ไหมไทย)" ของ Trader Vic's ที่เป็นสูตรต้นตำรับมีดังนี้
- - Dark Rum 30 Ml
- - Gold Rum 30 Ml
- - น้ำมะนาวคั้นสด 30Ml
- - Mai Tai Mix 30Ml (เป็นส่วนผสมที่เป็นสูตรเฉพาะของ Victor จะออกคล้ายน้ำเชื่อมอัลมอนต์) ตกแต่งด้วยผิวมะนาว ใบสะระแหน่ ผลไม้สดหรือดอกไม้ต่าง ๆ
หากสังเกตุดี ๆ ค็อกเทลสไตล์ชาวเกาะอย่าง "Mai Tai (ไหมไทย)" ถือเป็นเครื่องดื่มที่เน้นผลไม้ และจะเน้นที่ เหล้ารัม (Rum) เป็นหลัก ทำให้รู้สึกสดชื่นและเหมาะกับอากาศร้อน ๆ แบบบ้านเรา ถ้าครั้งหน้าหากเจอเมนู "Mai Tai (ไหมไทย)" ก็ลองสั่งค็อกเทลแก้วนี้มาคลายร้อน หรือจะสั่งให้สาว แล้วเล่าเรื่องของ "Mai Tai (ไหมไทย)" ให้ฟังรับรองว่าเธอต้องประทับใจอย่างแน่นอน
คลิ๊ก เพื่อเลือกชมเหล้ารัม สำหรับชง "Mai Tai (ไหมไทย)" คลิ๊กที่นี่
