ด้วยการที่สุราไม่สามารผลิต, นำเข้า และจัดจำหน่ายได้อย่างเปิดเผย ทำให้บาร์ต่าง ๆ ต้องย้ายลงมาเป็นธุรกิจใต้ดิน อาศัยการเชื้อเชิญแบบปากต่อปาก เพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่รัฐ และลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คอยดับกระหายของนักดื่มในยุคนั้นแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แน่นอนว่าด้วยความต้องการของแอลกอฮอล์ที่ไม่สามารถผลิต, นำเข้า และจัดจำหน่ายได้เหมือนช่วงก่อนการสั่งห้าม ทำให้แก็งค์อาชญากรหรือมาเฟีย ก็เข้ามามีบทบาทในธุรกิจนี้ ส่งผลให้อัตราอาชญากรรมสูงขึ้น เพราะเป็นเหมือนยุคทองของคนเหล่านี้ ยิ่งใครทำเงินจากธุรกิจตรงนี้มากเท่าไร ก็เหมือนมีอำนาจและอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งยอดภาษีที่ต้องเข้าสู่รัฐก็หายไปอย่างน่าใจหาย

จนสุดท้ายแล้ว การห้ามสุราได้สิ้นสุดลงด้วยการให้สัตยาบันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 ซึ่งได้ยกเลิกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 8 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1933

ด้วยความที่ยุคนี้เป็นยุคของ Social Media การเป็นบาร์ลับก็ดูเหมือนจะไม่ลับสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นตามเพจ Facebook รีวิวร้านอาหาร หรือบนโพสส่วนตัวของลูกค้าทั่วไปที่แนะนำร้านก็ตาม ที่มักจะ Spoil ตำแหน่งและทางเข้าเสียหมด ในขณะที่บางร้านเองก็จงใจเผยที่ตั้งพร้อมทางเข้าให้เลย แต่ยังคงบรรยากาศที่น่าค้นหาแบบบาร์ลับอยู่ทุกประการ เพราะถ้าลับเกินไปจนแทบไม่มีคนรู้เลย นั่นอาจจะไม่ดีต่อธุรกิจสักเท่าไรนัก

เสน่ห์ของ Speakeasy คือความลึกลับ ที่จะปลุกความเป็นเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็นและชอบการสำรวจออกมา โดยรางวัลที่จะได้คือการเข้าไปนั่ง Hang Out จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ข้างใน และถ้าไปถูกร้าน คุณอาจจะมีโอกาสได้ลองเครื่องดื่ม Signature หรือเมนูหายาก และบรรยากาศในร้านแนวนี้ จะออกไปทางอบอุ่นและเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าสามารถใกล้ชิดกับบาร์เทนเดอร์ หรือลูกค้าคนอื่น ๆ เปิดโอกาสในการทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนสิ่งใหม่ ๆ มากกว่าเดิม รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งบอกเล่าผ่านการตกแต่งของร้าน เช่นบาร์ที่ตกแต่งแบบห้องลับช่วงยุคต้องห้าม หรือที่เป็นบ่อนใต้ดินของเซี่ยงไฮ้ยุค 30s - 40s ที่มีโรงรับจำนำบังหน้า