เครื่องดื่ม Highball มีจุดเริ่มต้นเมื่อเกือบ 150 ปีที่แล้วในประเทศอังกฤษ ถูกเผยแพร่ต่อในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1894 แล้วแพร่หลายไปในหลาย ๆ ประเทศ โดยประเทศที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้มากที่สุดคือญี่ปุ่น

ที่มาของชื่อ Highball นั้นมีอยู่ 2 เรื่องเล่า เรื่องแรกมาจากการเสิร์ฟในแก้วทรงสูง หรือรถเข็นบริการอาหารบนรถไฟหัวจักรไอน้ำ โดยเมื่อหัวจักรทำความเร็วมากขึ้น ลูกบอลที่ใช้แสดงระดับความดันจะลอยสูงขึ้น หรือที่เรียกว่า High-balling บ้างก็ว่ามาจากสัญญาณบนราง ที่จะชูเครื่องหมายรูปกลม ๆ เป็นการบอกว่ารางข้างหน้าโล่งแล้ว

ในบางความเชื่อก็ว่ามาจากการดื่ม Scotch & Soda (สก๊อตและโซดา) ในสนามกอล์ฟของชาวอังกฤษ โดยตั้งชื่อตามการตีลูกที่โด่งสูงขึ้นไป หรือที่เรียกว่า Highball แต่หลักฐานเรื่องนี้ค่อนข้างเบาบาง พอ ๆ กับ Body ของ Whisky Highball (วิสกี้ไฮบอล) เลยล่ะครับ

เครื่องดื่มเมนูนี้ ในประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นที่นิยมมาก ๆ จนกระทั่งการมาของเบียร์สดในยุค 80’s ที่ดื่มง่ายกว่า สะดวกกว่า, เย็นชื่นใจกว่า แถมไม่ต้องชงให้เสียเวลา เลยทำให้ Highball ค่อย ๆ ถูกลดบทบาทในวัฒนธรรมการกินดื่มของคนญี่ปุ่นไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะถูกรื้อฟื้นกลับมาอีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

การชง Highball นั้น เดิมทีจะใช้ Scotch Whisky (สก๊อตวิสกี้) เป็น Base Spirits รินลงไปในแก้วทรงสูงหรือ Highball Glass (แก้วไฮบอล) ที่มีน้ำแข็งประมาณ 1 ใน 3 ของแก้ว ตามด้วยโซดา จบด้วยการบีบมะนาวตามลงไป

ในบางครั้งก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น Soda เสมอไป อาจจะใช้น้ำอัดลมแทนก็สามารถทำได้ แต่เมื่อมาถึงเกาะญี่ปุ่น ก็ได้มีการดัดแปลงสูตรเล็กน้อย โดยเปลี่ยนจาก Scotch Whisky เป็น Japanese Whisky ที่มีคาแรคเตอร์คล้ายคลึงกัน หรือจะเปลี่ยนเป็น Bourbon (เบอร์เบิ้น) ก็ถือว่าไม่ผิด

นอกจากที่กล่าวไปข้างตันแล้ว ยังมีอีกหลายเมนูที่ถูกจัดให้เป็น Highball ด้วยเช่นกัน อย่าง Seven & Seven, Scotch & Soda และ Cuban Libre ที่เป็น Rum (รัม) ผสมกับ Coca-Cola รวมถึง Chuhai ที่เปลี่ยนจาก Whisky เป็นเหล้า Shochu

แม้ว่าจะเป็นเมนูที่ง่าย ๆ ชงดื่มเล่นที่บ้านก็ยังได้ แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างไม่รู้จบเลยทีเดียว และเราชื่อว่าเมนู Highball นี้ อาจจะเป็นแก้วเดบิวเข้าวงการสายดื่มของใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน

ลองมาเล่ากันดูนะครับว่า "แก้วเดบิว" ของคุณเป็นเมนูอะไร?

คลิ๊ก! เพื่อเลือกชม Whisky ทั้งหมด

 

---